17/12/51
นิทานอีสปเรื่องแม่กบกับวัว
ไปเจอมาจากเวบไหนจำไม่ได้แล้ว
แต่ก็ชอบครับให้ขอ้คิดดีๆมากกับนิทานของอีสปทุกเรื่อง
เลยเอามาทำเป็นไฟล์นำเสนอ แล้วบันทึกเป็นไฟล์ flash
ลองชม ดูครับ แต่หาไฟล์เพลงที่เกี่ยวข้องไม่ได้
ในเพลงมันกลายเป็นอึ่งอ่างน่ะ ไม่รู้ต้นฉบับ อีสป ของจริงเป็นไงแน่
อาจารย์ท่านใดผ่านมาก็ บอกไว้ด้วยน๊ะครับ ว่าเป็นอึ่งอ่างหรือ กบ
ส่วนตัวแล้วน่าจะเป็นอึ่งอ่างน๊ะครับ กบไม่ค่อยจะเห็นพองตัว
โปรแกรมที่น่าใช้ อีกตัวหนึ่ง ispring presention ไปดาวน์โหลด ใช้งานได้ง่ายๆฟรีครับแต่ต้องลงทะเบียนด้วยน๊ะ สำหรับ แปลงไฟล์ power point เป็น flash นามสกุล .swf
แบบที่ผมใช้งานอยู่นี้ ตัวโปรแกรมจะฝังอยู่ที่ แถบเครื่องมือ ของpower point เลย ทำงานนำเสนอแล้วกด publiq ได้เลย ใช้เวลาซักครู่ ก็จะได้ ไฟล์นำเสนอที่เป็นไฟล์ flash นามสกุล.swf แล้วครับ ลองดู
16/12/51
Xmas
ลองทำเป็น powerpoint แล้วอัฟโหลดไปฝากไว้กับ www.slideshare.net จริงๆแล้วมันจะต้องมีเสียง ระหว่างเปลี่ยน หน้าด้วยน๊ะ แล้วก็เพลง จิงเก้ลเบล และ ไฟล์ภาพยนต์ตอนท้ายด้วย แต่พอเอาขึ้นไปแล้วมันไม่มี
ใครอยากลองเผยแพร่ผลงาน presentation ก็ไปสมัครใช้บริการได้ครับ
11/12/51
FW: เพื่อนแท้...มิตรแท้ จริงใจ เปิดเผย
คุณเชื่อในพรหมลิขิตมั้ย ?
ถ้าไม่...แล้วอะไรล่ะ
ที่ทำให้เรามาพบกับคนหลายคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
ถ้าไม่...แล้วอะไรล่ะ
ที่ทำให้เราถูกชะตาจนเรียกคนๆนั้นว่า " เพื่อน "
.......เพื่อน...…
คนๆนึงที่ครั้งนึงก็เป็นได้แค่ คนแปลกหน้าคนหนึ่ง
เวลา ผ่าน เวลา คนแปลกหน้าคนนั้นก็กลับกลาย
มาเป็นคนที่เรา "ไว้ใจ"
....... เพื่อน …...
คนที่พร้อมอยู่กับเราเสมอๆ
ไม่ว่า สุข ทุกข์ เหงา เศร้า
…….. เพื่อน ........
คนที่พร้อมแชร์ความรู้สึกต่างๆ
โดยไม่เคยเอ่ยปากว่า
" ถ้าทำอย่างนั้นแล้วฉันจะได้อะไร "
....…... เพื่อน ……....
คนที่ไม่เคยสนใจว่าเราจะหน้าตาดี มีสกุล
ร่ำรวย ยากจน สูง ต่ำ ดำ ขาว หรือไม่
.....เพื่อน.....
คนที่ไม่เคยเสแสร้ง แกล้งทำ
........แต่......
เพื่อนตายของเราหรือไม่
เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่าคนๆนี้
เป็นคนที่พร้อมจะเคียงข้างเราเสมอไปมั๊ย
เรามองด้วยตาเปล่าไม่ได้ว่า
คนๆนี้จริงใจกับเราแค่ไหน
ทั้งหมดนี้ เราใช้ " ตา " มองไม่เห็น
........แต่......
ทั้งหมดนี้เราใช้ " ใจ " มองเห็นได้
เมื่อบทความ ล่วงเลยมาถึงตอนนี้ คุณล่ะ ?
ใช้ตามองเพื่อน หรือ ใช้ใจมองเพื่อน
เราบอกไม่ได้ว่าคนๆไหนดี ไม่ดี
จนกว่า...
เราจะมีโอกาส รู้จักกับคนนั้น
การคบใครสักคน คบเพียงกายก็ไร้ประโยชน์
แต่ การคบใครสักคน จำเป็นต้องคบกันด้วยใจ
วันนี้.... คุณ ใช้อะไร คบเพื่อนของคุณ
อย่าบอกนะ ว่าคุณก็เป็นคนที่คบเพื่อนแค่ตา
คุณก็คงเป็นคนที่ไม่น่าคบคนหนึ่ง
19/11/51
FW: 'ยึดติด' โดยพระไพศาล วิสาโล
Subject: FW: 'ยึดติด' โดย พระไพศาล วิสาโล พระเดือนตุลา
ยึดติดโดย
พระไพศาล วิสาโล
สุด..ได้เลขท้าย ๓ ตัวมาจากหลวงพ่อ เลยแทงไป ๑๕ บาท ปรากฏว่าถูกเผง ได้มา ๖๐๐ บาท เขาดีใจมาก เที่ยวอวดใครต่อใครในหมู่บ้านว่าถูกหวย แต่พอรู้ว่า คอนซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ก็แทงหวย ๓ ตัวถูกเหมือนกัน แต่ได้เงินมากกว่าคือ ๒,๐๐๐ บาท เพราะแทงมากกว่า สุดเลยยิ้มไม่ออก หงอยไปทั้งวัน แถมยังโมโหตัวเองที่แทงน้อยไป
ใจ..ไปเที่ยวไนท์บาซ่า เห็นผ้าพื้นเมืองลายงาม ราคา ๕๐๐ บาท แต่เธอต่อได้ ๓๕๐ บาทจึงคว้าผ้าผืนนั้นกลับโรงแรมด้วยความดีใจ แต่พอรู้ว่าไก่เพื่อนร่วมห้องก็ซื้อผ้าแบบเดียวกันมา แต่ได้ราคาถูกกว่า คือ ๓๐๐ บาท ใจก็หุบยิ้มทันที ไม่รู้สึกโปรดปรานผ้าของตนอีกต่อไป
แม้เราจะมี "โชค" หรือได้ของดีที่ถูกใจ
แต่หากไปเปรียบเทียบกับของคนอื่นเมื่อใด
สุขก็อาจกลายเป็นทุกข์ทันที หากรู้ว่าคนอื่นได้มากกว่า ได้ของดีกว่า
หรือได้ของที่ถูกกว่า ส่วนของดีที่เราได้มากลับด้อยคุณค่าไปถนัดใจ
บางครั้งอาจทำให้เราทุกข์กว่าตอนที่ยังไม่ได้ของนั้นมาด้วยซ้ำ
ที่จริงไม่ต้องไปเทียบกับของคนอื่นก็ได้
เพียงแค่เห็นของรุ่นใหม่วางขายหรือโฆษณาตามสื่อต่างๆ
ก็เกิดความไม่พอใจในของเดิมที่มีอยู่ทันที
ทั้งๆ ที่มันก็ยังใช้ได้ดี ไม่มีปัญหาอะไรรบกวนใจ
ยกเว้นข้อเดียวคือ มันสู้ของใหม่ที่วางขายไม่ได้
ทั้งๆ ที่มีของดีอยู่กับตัว แต่คนเราแทนที่จะพอใจกลับรู้สึกเป็นทุกข์
เพียงเพราะใจไปจดจ่ออยู่กับสิ่งดีกว่า (หรือมากกว่า) ที่ตัวเองยังไม่มี
แต่เมื่อใดก็ตามที่ของชิ้นนั้นเกิดมีอันเป็นไป
เช่นทำตกหล่นหรือถูกขโมยไป เราก็จะกลับมาเห็นคุณค่าของมัน
และนึกเสียใจที่เสียมันไป จะกินจะนอนก็ยังนึกถึงมันด้วยความเสียดาย
ทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นใน กรณีที่เป็นสิ่งของเท่านั้น
แต่ยังเกิดกับกรณีที่เป็นคนด้วย เช่น คนรัก หรือแม้แต่พ่อแม่และลูก
ผู้คนจำนวนมากไม่เห็นคุณค่าหรือมีความสุขกับคนใกล้ชิด
เพราะไปนึกเปรียบเทียบคนอื่นว่าเขามีพ่อแม่ คนรัก หรือลูกที่ดีกว่าเรา
แต่วันใดที่เราเสียเขาไป เราถึงจะกลับมาเห็นคุณค่าของเขา
และเศร้าโศกเสียใจจนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว
เฝ้าหวนคำนึงถึงวันคืนเก่าๆ ที่เขาเคยอยู่กับเรา
คนเรามักทุกข์เพราะจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ยังไม่มี หรืออาลัยในสิ่งที่สูญเสียไป
พูดให้ครอบคลุมกว่านั้นก็คือ
ทุกข์เพราะใจยังติดยึดอยู่กับอนาคตและอดีต
อนาคตและอดีตที่ว่ามิได้หมายถึง
สิ่งดีๆ ที่ยังไม่มีหรือที่เสียไปเท่านั้น
แต่ยังรวมถึงสิ่งไม่พึงปรารถนาที่ (คาดว่า) รออยู่ข้างหน้า
เช่นอุปสรรค และสิ่งไม่พึงปรารถนาที่พานพบ คำต่อว่า หรือการกระทำที่น่ารังเกียจ
คำตำหนิติเตียนไม่ว่าจะรุนแรงแค่ไหน แต่ก็ทำอะไรเราไม่ได้
หากเราไม่เก็บเอาคิดซ้ำคิดซาก คำพูดเหล่านั้นผ่านพ้นไปนานแล้ว
แต่ที่ยังบาดใจเราอยู่ก็เพราะเราไม่ยอมปล่อยวางมันต่างหาก
ยิ่งคิดคำนึงถึงมันมากเท่าไรก็ยิ่งซ้ำเติมตัวเองมากเท่านั้น
การเอาเปรียบ กลั่นแกล้ง ทรยศ หักหลัง ก็เช่นกัน
แม้เป็นอดีตไปนานแล้ว แต่เราก็ยังทุกข์อยู่กับเหตุการณ์ดังกล่าว
ไม่ใช่เพราะเขายังทำเช่นนั้นกับเราอยู่
แต่เป็นเพราะเราชอบย้อนภาพอดีต
กลับมาฉายซ้ำในใจอย่างไม่ยอมเลิกรา
ย้อนแต่ละทีก็เหมือนกับกรีดแผลลงไปที่ใจ
หยุดย้อนอดีตเมื่อใดใจก็หายเจ็บเมื่อนั้น
อดีตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ส่วนอนาคตยังมาไม่ถึง
แต่จะมาถึงหรือไม่ ไม่มีใครรู้ได้
แต่บ่อยครั้งเรากลับยึดมั่นสำคัญหมายอย่างเป็นจริงเป็นจัง
ว่ามันจะต้องเกิด ขึ้นแน่ เท่านั้นยังไม่พอถ้าเป็นเรื่องแง่ลบด้วยแล้ว
เรามักจะวาดภาพไปในทางเลวร้าย
แล้วก็ยึดมันเอาไว้ไม่ให้คลาดไปจากใจ ทั้งๆ ที่ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์
ชายผู้หนึ่งเดินขึ้นตึกไปหาหมอ เพื่อฟังผลตรวจโรค
พอหมอบอกว่า พบก้อนมะเร็งระยะที่สองในปอดของเขา
เขาก็ถึงกับทรุด เข่าอ่อนเดินไม่ได้ กลับถึงบ้านก็กินไม่ได้
นอนไม่หลับ ซึมไปเป็นเดือน
ส่วนหญิงผู้หนึ่ง ป่วยกระเสาะกระแสอยู่นานหลายสัปดาห์
แล้ววันหนึ่งหมอก็บอกว่า เธอเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายที่ตับ
จะอยู่ได้ไม่เกิน ๓ เดือน ปรากฏว่าผ่านไปแค่ ๑๒ วัน เธอก็สิ้นใจ
ทั้งสองกรณีไม่ได้ทรุดฮวบเพราะโรคมะเร็งเล่นงาน
แต่เป็นเพราะใจเสีย ทันทีที่ได้ยินข่าวร้าย
ใจก็นึกภาพอนาคตของตัวเองไปในทางเลวร้าย
ยิ่งผู้ป่วยรายที่สองด้วยแล้ว
เธอนึกไปถึงวันตายของตัวเองเลยทีเดียว
แถมยังปรุงแต่งไปในทางที่มืดมน
เท่านั้นไม่พอเธอยังหมกมุ่นกับภาพดังกล่าวไม่หยุดหย่อน
ทั้งๆ ที่มันยังไม่เกิดขึ้น ผลก็คือถูกความทุกข์ท่วมทับจนมิอาจทานทนต่อไปได้
บ่อยครั้งเราเป็นทุกข์เพราะเรื่องที่ยังมาไม่ถึง
เช่น การสอบไม่ติดหรือตกงาน
โดยตัวมันเองไม่ก่อปัญหาแก่เรา มากเท่ากับใจที่ปรุงแต่งไปล่วงหน้า
ว่านับแต่นี้ไปชีวิตจะลำบากยากแค้นเพียงใด แล้วจะอยู่ดูโลกนี้ต่อไปได้อย่างไร
แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็อาจพบว่าที่แท้เราตีตนก่อนไข้ไปเอง
เพราะปัญหาต่างๆ ที่ตามมาไม่ได้หนักหนาสาหัสอย่างที่คิด
สามารถแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ปรุงแต่งเหตุการณ์ที่ยังมาไม่ถึงเท่านั้น
กับสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า บางครั้งเราก็ปรุงแต่งให้เลวร้ายเกินจริง
เช่น อยู่รีสอร์ตคนเดียวกลางดึก ได้ยินเสียงผิดปกติ
ก็ปรุงแต่งไปทันทีว่าถูกผีหลอก หรือไม่ก็มีคนจะมาทำร้าย
เห็นคู่รักกำลังคุยอย่างสนิทสนมกับชายหนุ่มในร้านอาหาร
ก็คิดไปทันทีว่า เธอกำลังนอกใจ
การคิดปรุงแต่งที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงนั้น
เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่เมื่อใดที่เราหลงยึดว่ามันเป็นเรื่องจริง
เราก็กำลังก่อทุกข์ให้กับตัวเอง
แถมยังสามารถสร้างปัญหาให้แก่คนอื่นได้ด้วย
วัยรุ่นนั่งกินอาหารอยู่หน้าร้าน เผอิญขี้นกหล่นใส่หัว
แต่เขากลับคิดว่าเจ้าของร้านถ่มน้ำลายใส่หัว
จึงทะเลาะกับเจ้าของร้านอย่างรุนแรง
สักพักก็ออกจากร้านแล้วกลับมาพร้อมกับพวกอีกหลายคน
ควักปืนออกมายิงกราด
ถูกภรรยาเจ้าของร้านซึ่งกำลังท้อง ๕ เดือนตายคาที่
กลายเป็นฆาตกรที่ถูกตำรวจหมายหัวทันที
การยึดติดสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นเอง
เป็นที่มาอีกประการหนึ่งของความทุกข์
ทีแรกเราเป็นฝ่ายปรุงแต่งมันขึ้นมา
แต่เผลอเมื่อใดมันก็กลับมาเป็นนายเรา
สามารถผลักใจของเราไปสู่ความทุกข์
และชักนำชีวิตของเราไปในทางเสื่อมได้ง่ายๆ
กี่ครั้งกี่หนที่เราทำร้ายตัวเองและทำร้ายซึ่งกันและกัน
เพียงเพราะหลงเชื่อ ความคิดที่เราปรุงแต่งขึ้นมา
พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า สิ่งที่ไม่ได้ปรุงแต่งขึ้นมาเอง
แต่เป็นความจริงแท้ๆ จะไม่ก่อปัญหา
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่สร้างความทุกข์แก่เรา
เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ อยู่ในขณะนี้
เช่น รถเสีย เงินไม่พอใช้ ทะเลาะกับคนรัก ลูกคบเพื่อนไม่ดี งานไม่ก้าวหน้า
แต่ถ้าเรามัวแต่นึกถึงเรื่องเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะทำอะไร ก็กวาดเอาปัญหาต่างๆ มาครุ่นคิดด้วย
ทั้งๆ ที่ไม่เกี่ยวกันเลย เช่น กำลังทำงานอยู่
ก็ไปกังวลถึงรถ ถึงลูก ถึงพ่อแม่ แล้วยังห่วงคู่รักอีก
อย่างนี้แล้วจะไม่ทุกข์ได้อย่างไร
ปัญหาเป็นเรื่องที่ต้องแก้ ไม่ได้มีไว้ให้กลุ้ม
แต่เมื่อใดที่เรากวาดเอาปัญหาต่างๆ มาทับถมจิตใจ
ทั้งๆ ที่ยังไม่ถึงเวลา (หรือไม่ใช่เวลา) ที่จะแก้ไข
ก็เตรียมตัวกลุ้มได้เลย นี้เป็นการยึดติดอีกแบบหนึ่ง
อันที่จริงแม้มีปัญหาแค่เรื่องเดียว
แต่ถ้าหมกมุ่นอยู่กับมันตลอดเวลา ก็ทำให้คลั่งได้
ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเล็กแต่ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ง่ายๆ
เช่น หมกมุ่นกับสิวไม่กี่เม็ดบนใบหน้าวันแล้ววันเล่า
ก็อาจทำให้เจ็บป่วยหรือถึงกับทำร้ายตัวเองได้
การยึดเอาปัญหาต่างๆ มาทับถมใจ
บางครั้งก็ไปไกลถึงขนาดไปกวาดเอาปัญหาของคนอื่น
มาเป็นของเราเสียเอง เช่น เพื่อนมาปรึกษาปัญหาชีวิต
ก็เลยเอาปัญหาของเขามาเป็นของตนด้วย
จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
เท่านั้นยังไม่พอบางคนถึงกับแบกปัญหาของประเทศมาไว้กับตัว
เลยเป็นเดือนเป็นแค้นกับสถานการณ์บ้านเมือง
ทะเลาะกับใครไปทั่วที่คิดต่างจากตน
สุดท้ายก็เลยกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาบ้านเมืองไป
การยึดติดที่ลึกไป กว่านั้นคือ การยึดติดในตัวตน
สาเหตุที่เราทะเลาะกับคนที่คิดไม่เหมือนเรา
ก็เพราะเรายึดติดในความคิดของเรา
ความสำคัญมั่นหมายว่านี้เป็น "ความคิดของฉัน"
สะท้อนถึงความยึดติดในตัวตน
หรือที่ท่านพุทธทาสเรียกว่า ยึดติดใน "ตัวกู ของกู"
นอกจากความคิดแล้ว เรายังยึดติดสิ่งต่างๆ อีกมากมายว่า
เป็นตัวฉันของฉัน อาทิ สิ่งของ บุคคล ชุมชน ประเทศ ศาสนา
มีอะไรมากระทบกับสิ่งนั้น ก็เท่ากับว่ากระทบ "ตัวฉัน"
ด่าว่ารถของฉัน ก็เท่ากับด่าฉันด้วย
วิจารณ์ศาสนาของฉันก็เท่ากับวิจารณ์ฉันด้วย
เป็นเพราะเหตุนี้ เมื่อสิ่งของสูญหาย คนรักจากไป
เราจึงอดหวนนึกถึงไม่ได้ เพราะใจยังยึดว่าเป็นของฉันอยู่
จึงยังมีเยื่อใยที่ดึงให้ใจย้อนระลึกถึงอยู่เสมอ
เวลาให้ของแก่ใครไป ความยึดติดในของชิ้นนั้นก็ยังมีอยู่
จึงเฝ้าดูว่าเขาจะใช้ของชิ้นนั้นหรือไม่
ถ้าไม่ใช้ก็รู้สึกเป็นทุกข์ที่เขาไม่ได้ใช้ของ "ของฉัน"
ญาติโยมหลายคนจึงไม่สบายใจที่พระไม่ได้ฉันอาหารที่ตนถวาย
ยึดติดในตัว ตนอีกอย่างคือการยึดมั่นสำคัญหมายว่า
ฉันเก่ง ฉันหล่อ ฉันเป็นส.ส. ฯลฯ ไปไหนก็อดตัวพองไม่ได้
อยากแสดงบารมีให้ใครรู้ว่า "นี่กูนะ"
อยู่ที่ใดก็ต้องการให้คนชื่นชม สรรเสริญ เคารพ นบไหว้
แต่ถ้าไม่ได้รับการปฏิบัติดังกล่าว ก็จะโมโหขุ่นเคือง
จนอาจคำรามว่า "รู้ไหมว่ากูเป็นใคร ?"
ยิ่งเจอคำวิจารณ์ด้วยแล้ว ยิ่งทนไม่ได้เข้าไปใหญ่
การ ยึดติดใน "ตัวกู ของกู หรือนี่กูนะ" เป็นรากเหง้าแห่งความทุกข์ นานัปการ
นำไปสู่การกระทบกระทั่งขัดแย้งและทำร้ายกัน
ขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดความเครียดบีบคั้นภายใน
เมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่พึงปรารถนา
ใช่แต่เท่านั้น แม้ได้สิ่งที่พึงปรารถนา
ก็ยังทุกข์เพราะได้ไม่สมใจ หรือทุกข์ที่คนอื่นได้มากกว่า
ที่น่าแปลกก็คือเราไม่ได้ยึดเอาแค่สิ่งดีๆ ที่ถูกใจ
ว่าเป็นตัวกูของกูเท่านั้น สิ่งที่ไม่ดี ไม่ถูกใจ
เราก็ยังยึดเป็นตัวกูของกูอีกเช่นกัน
เช่น ความเจ็บปวด เมื่อเกิดกับกาย
แทนที่จะเห็นว่า กายปวดเท่านั้น กลับไปยึดเอาว่า "ฉันปวด"
ความปวดเป็นของฉัน
เมื่อความโกรธเกิดขึ้นกับใจ
ก็ยึดมั่นสำคัญหมายว่า "ฉันโกรธ" ความโกรธเป็นของฉัน
ความยึดมั่นดังกล่าวรุนแรงชนิดที่ใจไม่ยอมไปไหน
มัวจดจ่อวนเวียนอยู่กับความปวดหรือความโกรธนั้นๆ อย่างเดียว
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความเผลอของใจ
รู้ทั้งรู้ว่ายึดแล้วทุกข์แต่ก็ยังยึดเพราะขาดสติ
ถ้าใจมีสติ ก็จะไม่เผลอยึดต่อไป
ความปวดความโกรธยังมีอยู่ก็จริง แต่คราวนี้มันทำอะไรจิตใจไม่ได้
เพราะใจไม่โดดเข้าไปให้ความปวดความโกรธเผาลน
เหมือนกองไฟที่ยังลุกไหม้อยู่
แต่ตราบใดที่เราไม่โดดเข้าไปในกองไฟ
หากถอยออกมาห่างๆ เป็นแค่ผู้สังเกตเฉยๆ ไฟก็ทำอะไรเราไม่ได้
สติช่วยให้ใจแยกออกมาอยู่ห่างๆ
จากความเจ็บปวดและอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น
กลายเป็น "ผู้ดู" มิใช่ "ผู้ปวด" หรือ "ผู้โกรธ"
จากความยึดติดกลายเป็นการปล่อยวาง
การปล่อยวางดังกล่าว
คือ หัวใจของการเป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งหลาย
เพราะกล่าวอย่างถึงที่สุดแล้ว
ความทุกข์ทั้งมวลเกิดจากความยึดติด
ยึดติดอดีตกับอนาคต ยึดติดสิ่งที่ปรุงแต่งขึ้นเอง
ยึดติดปัญหาต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
รวมทั้งยึดเอาปัญหาต่างๆ มาเป็นของตน
ที่สำคัญคือ การยึดติดในตัวตน
เมื่อใดที่ปล่อยวางจากความยึดติดดังกล่าวได้
ความทุกข์ก็ไม่อาจทำอะไรเราได้อีกต่อไป
17/11/51
FW: แบ่งปันความรู้สึก(ก็จาก FW mail แหละ)
วันนี้เกร็ดความรู้มีวิธีทำให้ชีวิตมีความสุขตลอดไปมาฝากกัน...
1. ต้องมีจุดหมายปลายทาง, มีความเชื่อมั่นและภูมิใจในตนเอง
2. ยิ้มอยู่เสมอ, รู้จักมีอารมณ์ขัน
3. รู้จักแบ่งปันความสุข ให้ผู้อื่น, จริงใจ ที่จะช่วยเหลือผู้ตกยาก
4. ทำตัวให้น่ารักเหมือนเด็ก ๆ, มีเพื่อนที่รักกันจริงไว้บ้าง
5. อย่าตระหนกเมื่อพบสิ่งแปลกใหม่, รู้จักการทำงานเป็นทีม
6. ให้ความสุขกับชีวิตครอบครัว, ไม่บ้างาน..หาเวลาหยุดพักบ้าง
7. เข้าได้กับคนทุกประเภท, อย่าดูถูกผู้ที่อ่อนแอกว่า
8. ตามใจตัวเองในบางครั้ง
9. รู้จักให้อภัย, มีความกล้าหาญและอดทน
10. อย่าเป็นคนกระหายเห็นแก่เงิน
ถ้าอยากมีความสุขตลอดไป ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้
8/11/51
นิทานเรื่องหมาป่ากับลูกแกะ
หมาป่าตัวหนึ่ง กำลังกินน้ำอยู่ที่ตอนเหนือของแม่น้ำในระยะที่ไม่ไกลนัก
มีลูกแกะตัวหนึ่งกำลังกินน้ำอยู่ถัดออกไป เมื่อหมาป่าเห็น ดังนั้น
จึงเดินมาพูดกับลูกแกะว่า " อะไรกันนี่ เจ้าลูกแกะเกเร เจ้ากล้าดีอย่างไร จึงทำให้น้ำขุ่นเป็นโคลนจนข้ากินไม่ได้ "
ลูกแกะตอบว่า " ฉันเสียใจ แต่ฉันคิดว่า ฉันไม่สามารถทำให้น้ำนั้นขุ่นจนท่านกินไม่ได้ เพราะฉันอยู่ปลายน้ำ จะไปทำให้น้ำขุ่นจนถึงที่ที่ท่านยืนอยู่ได้อย่างไร "
หมาป่าตั้งใจจะหาเรื่องกับลูกแกะให้ได้จึงพูดว่า " บางทีมันก็อาจจะเป็นได้ แต่เมื่อหกเดือนก่อน เจ้าคนพาล เจ้าได้ด่าข้าลับหลัง "
" มันจะเป็นไปได้อย่างไร " ลูกแกะตอบ "ในเมื่อตอนนั้นฉันยังไม่เกิด"
หมาป่าตอบว่า " อะไรกัน เจ้าช่างไม่มีความละอาย ครอบครัวของ เจ้าเกลียดครอบครัวของข้า ถ้าไม่ใช่เจ้าเป็นคนด่า ก็คงเป็นพ่อของเจ้า " เมื่อพูดจบก็ตรงเข้าขย้ำลูกแกะกินเป็นอาหาร
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ผู้ที่ไม่มีความกรุณา จะไม่ยอมรับฟังเหตุผล เนื่องจากมีความโหดร้าย และอยุติธรรมในใจเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ที่จะไปต่อปากต่อ คำด้วย ผู้ที่กดขี่ข่มเหงมักจะหาทางที่จะทำลายเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจนได้
นิทานอีสปที่เคยอ่านมาแต่เด็กๆ แล้วก็ชอบมากๆ
บทความที่ชอบครับ
ชอบบทความนี้มากครับ จากเดลอนิวส์ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา 00:00 น.
คิดต่าง จากต่างแดน
มีอีเมลท่านผู้อ่าน Mr.T Baltimore มาไกลจาก อเมริกาซึ่งเพิ่งได้ประธานาธิบดีผิวสีคนแรก เป็นคนไทยถึงอยู่ไกลก็เหมือนใกล้ เห็นสภาพบ้านเมืองไม่ลงตัวก็ขอร่วมวงแสดงความคิดเห็นมั่ง ดังนี้...
“เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ผมก็อ่านมานานแล้วล่ะ อ่านกี่ที ก็ชอบ เพราะให้ข้อคิดได้ดีมากและอาจจะเหมาะกับสถานการณ์ บ้านเมืองไทยขณะนี้ คือเรื่องที่มีอาจารย์คนหนึ่งถามเด็กนักเรียน ในห้องว่า ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อขนมไป 3 บาท จะได้รับเงินทอนกี่บาท?
คำตอบของคุณล่ะ เก็บไว้ก่อนนะ.......เด็กเกือบทั้งหมดในห้องตอบว่าจะได้รับเงินทอนจากแม่ค้า 7 บาท
ขณะเดียวกันมีเด็กที่มีคำตอบแยกออกไปอีก 2 คำตอบ
เด็กกลุ่มแรกตอบว่า ได้รับเงินทอนมา 2 บาท เพราะเค้าถือเหรียญ 5 ไป 2 เหรียญ เมื่อจ่ายค่าขนมไป 3 บาทก็ให้เหรียญ 5 ไปเหรียญเดียวจึงได้รับเงินทอนมา 2 บาท เด็กอีกกลุ่มกลับตอบว่า “ไม่ได้รับเงินทอน” เพราะเค้ามีเหรียญบาท 10 เหรียญ ซื้อขนมไป 3 บาทก็ให้ไปแค่ 3 เหรียญ
ถ้าคำถามเป็นแบบ “ปรนัย” ให้กา ก.ข.ค.ง. เด็ก 2 กลุ่มนี้คงตอบผิดและไม่ได้คะแนน
เรื่องนี้สอนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในห้องเรียนนั้น ส่วนใหญ่ถูกจำกัดไว้ให้มีแค่คำตอบเดียว ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คำตอบอาจมีหลายรูปแบบขึ้นกับแนวความคิดและมุมมองของแต่ละคน ซึ่งล้วนแต่เป็นคำตอบที่ถูกต้อง ขึ้นกับความแตกต่างของจินตนา การและมุมมองฯลฯ
แมงเม่า
อ่านเพิ่มเติมได้ที่
เดลินิวส์ ออนไลน์ ประจำวันที่ ๗ พ.ย.๕๑
ชอบเพราะเคยเห็นคำถามจาก โรงพยาบาลที่เขาถาม บางคำถามมันไม่มีคำตอบใหเตอบ เพราะผมมีคำตอบที่แตกต่างไปจากที่เขามีให้
และ โพลล์ ที่เขาทำมา บางที่ ก็ไม่มีคำตอบให้ ก็ผมอยากจะตอบนอกเหนือจากนี้มั่งน่ะครับ
14/10/51
ธรรมะ จาก ท่าน ว.วชิรเมธี
27/9/51
วิธีแก้ไขดู ทีวี ผ่านเนตแล้วเป็นสีเขียว
เคยดูทีวีผ่านอินเตอร์เน็ตแล้ว จากโปรแกรม Windows media player ดูไปได้สักพัก จอจะเป็น สีเขียว แบบนี้ ในหน้าเวบ ก็เหมือนกัน
ตอนนี้เจอวิธีแก้ไขได้แล้ว ตามนี้ ไปที่ Tools >>> options จะมีหน้าต่างขึ้นมาตามนี้
1.Performance เลือก restore default
หรือ 2. กด Advanced…
จะมีหน้าต่างใหม่ขึ้นมา ให้กาเครื่องหมาย ถูกที่ Use overlays
3. Ok 4. Apply และ ok ก็จะดูได้ตลอด แล้วแต่ ความเร็ว เนต
ถ้ามีปัญหาแบบนี้ก็ลอง ๆตามนี้ดูได้
เวบดูทีวี ออนไลน์ ดูย้อนหลังได้ด้วย
24/9/51
ก็มันเสียววว
*ผัวชวนเมีย ท่องแดน ที่แสนสุข     *หวังสนุก เมียตามใจ ไม่ขัดผัว
20/9/51
ขำ ๆ เขาเล่ามา( ทำไมบ้านคนรวยมันเรื่องมากจัง)
ขำดี เหตุผลที่ไม่อยากไปบ้านคนรวย...เหตุผลที่ไม่อยากไปบ้านคนรวย
เพื่อน : นายจะดื่มอะไร น้ำผลไม้ โซดา ชา โกโก้ ช็อคโกแลตหรือกาแฟ
ป๋ม : ขอชาแล้วกัน
เพื่อน : เอาซีลอน หรือชาสมุนไพร หรือเอาบุชผสมน้ำผึ้งดีมั้ยหรือเอาชาเย็น หรือชาเขียว
ป๋ม : เอาซีลอน เพื่อน : เอาแบบไหนเหรอ ใส่นมหรือไม่ใส่ป๋ม : ใส่นมด้วยแล้วกัน
เพื่อน : เอานมแพะ นมอูฐ หรือนมวัว
ป๋ม : นมวัวดีกว่า
เพื่อน : เอานมจากวัวฟรีซแลนด์หรือวัวแอฟริกาเน่?
ป๋ม : เอ่อ... ไม่ต้องใส่นมก็ได้เพื่อน : อยากได้หวานแบบไหนล่ะ ใส่น้ำตาลหรือว่าน้ำผึ้ง? ป๋ม : น้ำตาลดีกว่า
เพื่อน : น้ำตาลบีทหรือน้ำตาลอ้อย?
ป๋ม : น้ำตาลอ้อย
เพื่อน : เอาแบบขาว หรือแดง หรือว่าเหลือง?
ป๋ม : ... นายลืมเรื่องชานี่ซะเถอะ ขอน้ำสักแก้วก็พอว่ะ
เพื่อน : จะเอาน้ำแร่หรือน้ำกลั่น? ป๋ม : น้ำแร่ เพื่อน : เอาแต่งรสด้วยมั้ย? หรือว่าไม่?
ป๋ม : หิวน้ำจะตายอยู่แล้วคร้าบบ !!!!!!เพื่อน : ?……
เพื่อน: แล้วจะใส่แก้วทรงไหนดีล่ะ แก้วใส ขุ่น / ทรงยุโรปทรงไทย หรือ ทรงแขกดี
ป๋ม: เอ่อ...ที่มัน ใส่น้ำแล้วไม่รั่วก็ได้นะจะดีมากถ้ามีน้ำแข็งด้วย
เพื่อน: อ่า เอาน้ำแข็งแบบไหนดี ทุบละเอียดหรือก้อนกลม(ยูนิค)
ป๋ม: กลมๆละกัน
เพื่อน: เอาแบบใหญ่ๆ หรือ เล็กๆดีล่ะ
ป๋ม: เอาว! ่าใส่น้ำแล้วมันเย็นอ่ะ
เพื่อน: จานรองแก้วล่ะ เอาเป็นไม้ หร ือ สแตนเลสดี
ป๋ม: สแตนเลสเนอะ
เพื่อน: กลมๆ หรือ สี่เหลี่ยม
ป๋ม: เดี๋ยวกูไปแดกน้ำที่บ้าน เดี๋ยวมา !!.... เพื่อน : !!!!!!
2/9/51
เพื่อนส่งมาให้
ตามศัพท์ภาษาไทยแล้ว 'ขวัญและกำลังใจ' สามารถแยกได้ 2 คำ คือ 'ขวัญ' และ 'กำลังใจ' มีความหมายดังนี้
' ขวัญ' หมายถึง สิ่งที่ไม่มีตัวตน นิยมกันว่ามีอยู่ประจำชีวิตของคนตั้งแต่เกิดมา
เชื่อกันว่าถ้าขวัญอยู่กับตัวก็เป็นสิริมงคล เป็นสุขสบาย จิตใจมั่นคง ถ้าคนตกใจหรือเสียขวัญ
ขวัญออกจากร่างไปเสีย ซึ่งเรียกว่าขวัญหาย ขวัญหนี ขวัญบิน เป็นต้น
' กำลังใจ' หมายถึง สภาพของจิตใจที่มีความเชื่อมั่น และกระตือรือร้น พร้อมจะ
เผชิญกับเหตุการณ์ทุกอย่าง
'ขวัญและกำลังใจในการทำงาน' คือ สภาพทางจิตใจของผู้ปฏิบัติงาน เช่นความรู้สึก
นึกคิดที่ได้รับอิทธิพล แรงกดดัน หรือสิ่งเร้าจากปัจจัยหรือสภาพแวดล้อมในองค์การที่อยู่
รอบตัวเขา และจะมีปฏิกิริยาโต้กลับ คือพฤติกรรมในการทำงาน ซึ่งมีผลโดยตรงต่อผลงานของบุคคลนั้น
ขวัญและกำลังใจเป็นอย่างไร
ขวัญและกำลังใจ เป็นสภาพทางจิตใจ ทัศนคติ และความรู้สึกที่มีผลส่วนหนึ่งมาจาก
การปฏิบัติงานร่วมกับกลุ่มโดยอาจเกิดร่วมกันเป็นกลุ่มในแต่ละบุคคลได้
ขวัญและกำลังใจ อยู่ที่สภาพจิตใจ ทัศนคติ อารมณ์ ของผู้ปฏิบัติงานแต่ละคน รวมทั้งทีมงานทั้งหมด
ขวัญและกำลังใจ มีผลกระทบต่องาน ผลผลิต ความร่วมมือ ความกระตือรือร้น วินัย และความสำเร็จของหน่วยงาน
ขวัญและกำลังใจ มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับหัวหน้างาน ผู้บังคับบัญชา ลูกน้อง รวมไปถึงผู้มารับบริการและชุมชน
ขวัญและกำลังใจ มีผลต่อความมุ่งมั่นและความเต็มใจในการทำงานเพื่อพัฒนางาน
และหน่วยงานของตนเอง
แม้ว่าขวัญและกำลังใจเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นและวัดได้ยากแต่เราก็สามารถรู้สึกและ
สังเกตได้ นอกจากนั้น ขวัญและกำลังใจยังเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้บริหารควรรับรู้ เพราะขวัญและ
กำลังใจเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จหรือความล้มเหลวได้
ปัจจัยที่มีผลต่อขวัญและกำลังใจ
การยกระดับขวัญและกำลังใจทำได้โดยการควบคุม ดูแล ให้ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อ
ขวัญและกำลังใจอยู่ในสภาพที่ดีมีปัจจัยภายนอกหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจ
ดังนั้น ผู้บริหารควรตระหนักและพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องภายในหน่วยงานของ
ตนเอง รวมทั้งหาทางปรับปรุงแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ที่คิดว่าเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานเพื่อให้
ขวัญและกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชาสูงขึ้น
จากการปฏิบัติงานประจำกัน ถ้าเราใส่ใจและลองสังเกตสภาพการณ์ทั่ว ๆ ไป ภายใน
หน่วยงานของตนเอง เราจะพบอาการที่สามารถบ่งชี้ถึงสภาพขวัญและกำลังใจที่ตกต่ำหรือ
สูงได้
ถ้าหน่วยงานของท่านมีสภาพ ดังนี้
- การโต้เถียงกันอย่างรุนแรงเอาเป็นเอาตายระหว่างประชุม
- การทำงานไม่มีคุณภาพ
- การปฏิเสธงานที่ได้รับมอบหมาย
- การขัดคำสั่ง ไม่เชื่อฟังหัวหน้างาน
- การขาดงานบ่อย ๆ
- สภาพเต็มไปด้วยข่าวลือ
- มีการกลั่นแกล้งกันในเรื่องงาน
- งานไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ฯลฯ
คือ อาการของ 'หน่วยงานที่ขวัญและกำลังใจตกต่ำ'
ถ้าหน่วยงานของท่านมีสภาพ ดังนี้
- ความขัดแย้งภายในมีน้อย
- มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันสูง
- สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
- กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ชัดเจน
- กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบชัดเจน
- มีการสื่อสารและระบบการสั่งงานที่ดี
- ยอมรับในผู้นำ
- การจัดทรัพยากรที่เป็นธรรม
ฯลฯ
คือ อาการของ 'หน่วยงานที่ขวัญและกำลังใจดี'
เพื่อให้ง่ายในการสังเกต เราสามารถตรวจสอบสภาพขวัญและกำลังใจของคนในหน่วย
งานได้จากการพิจารณาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
- นโยบายและเป้าหมายของหน่วยงาน
- ภาพพจน์ของหน่วยงาน
- การสื่อสารจากผู้บังคับบัญชาถึงผู้ใต้บังคับบัญชา
- การสื่อสารจากผู้ใต้บังคับบัญชาถึงผู้บังคับบัญชา
- ความสัมพันธ์ของบุคลากรภายในหน่วยงาน
- ระดับความพอใจในงาน
- วินัยของผู้ปฏิบัติงาน
- บรรยากาศในการทำงาน
- โอกาสในการศึกษา พัฒนาและฝึกอบรม
- สิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงาน
- ค่าจ้างและเงินเดือน
- ความสะอาดและสุขลักษณะของสถานที่ทำงาน
- ความปลอดภัยในการทำงาน
- การมีส่วนร่วมในกิจกรรมกลุ่มย่อย
- ความภักดีต่อหน่วยงาน
- สิ่งอำนวยความสะดวกทั่ว ๆ ไป
เมื่อพบจุดตรวจใดเป็นจุดบกพร่อง เราต้องการหาทางปรับปรุงจุดต่าง ๆ เหล่านั้น เพื่อยกระดับขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานให้สูงขึ้น ในยุคของเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ
การสื่อสารไร้พรมแดน สิ่งที่ทำให้การดำเนินงานของหน่วยงานมีประสิทธิภาพและประ
สิทธิผลแตกต่างกันกับหน่วยงานอื่น ๆ คือ 'คน' ซึ่งกิจกรรมที่จะนำมาใช้เพื่อการพัฒนา
หน่วยงาน เช่น กิจกรรม 5 ส กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ เป็นต้น โดยมีเป้าหมายเพื่อ
- พัฒนาให้มีความรู้ ความสามารถ และทักษะในการปฏิบัติงานที่สูงขึ้น
- เปิดโอกาสให้มีส่วนร่วมในการปรับปรุงงาน
- ฝึกให้เป็นคนช่างสังเกต
- พัฒนาให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
- รู้จักทำงานเป็นทีม เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาและปรับปรุงงาน
- รู้จักใช้ความคิดอย่างเป็นระบบและมีเหตุผล
- สร้างเสริมวินัย
- เพิ่มความสามัคคี
ฯลฯ
นอกจากจะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมแล้ว ยังเน้นให้ทุกคนรู้จักปรับปรุงงาน
ของตนเองเป็นหลัก เพราะผู้ปฏิบัติย่อมรู้ดีว่าปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานเป็น
อย่างไร โดยเริ่มจากการสังเกตสภาพแวดล้อมในการทำงานรอบ ๆ ตัวของเราก่อน
ลองสังเกตสถานที่ทำงานว่ามีสภาพเช่นนี้หรือไม่
- ห้องที่เต็มไปด้วยโต๊ะทำงาน
- มีเสียงโทรศัพท์ดังตลอดเวลา
- แสงสว่างไม่เพียงพอ
- มีเครื่องถ่ายเอกสาร แต่ใช้งานไม่ได้หรือได้ไม่ดี
- อุปกรณ์เครื่องใช้ใหม่ แต่ไว้ใจไม่ได้พร้อมที่จะเสียตลอดเวลา
- เครื่องปรับอากาศที่เย็นเกินไป ร้อนเกินไป
- ทางเดินที่คับแคบ มีสิ่งของวางกีดขวาง
- มีเสียงดัง รบกวนการทำงานเป็นระยะ
- สิ่งอำนวยความสะดวกไม่ดีพอ เช่น ห้องน้ำสกปรก โรงอาหารไม่ถูก
สุขลักษณะ ฯลฯ
- มีวัสดุอุปกรณ์ไม่เพียงพอ
- การระบายอากาศที่ไม่ดีพอ
ฯลฯ
คุณคิดอย่างไรกับสภาพที่ทำงานข้างต้น?
- เรื่องอย่างนี้พบเห็นในที่ทำงานจนกลายเป็นเรื่องปกติแล้ว
- อยู่ไปก็ชินเอง
- เราต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งเหล่านี้ให้ได้
- เบื่อ!...แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
- ควรจะปรับปรุงให้สถานที่ทำงานมีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น ทำงานได้สะดวกขึ้น
- ถ้าทุกคนในหน่วยงานร่วมมือกันก็จะสามารถแก้ไขได้
ในการทำงานหนึ่ง ๆ นั้น งานจะออกมามีคุณภาพหรือไม่ เสร็จทันเวลาหรือได้รับ
ความร่วมมือจากผู้ร่วมงานหรือไม่ ฯลฯ ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการทำงาน
เพราะสภาพแวดล้อมในการทำงานจะส่งผลต่อความคิด ความรู้สึก อารมณ์ของผู้ปฏิบัติงาน
ซึ่งก็หมายถึงขวัญและกำลังใจในการทำงานด้วย ด้วยเหตุที่บรรยากาศในสถานที่ทำงาน
ความสัมพันธ์ที่ดีของกลุ่มทำงาน สนุกกับการทำงานร่วมกันเป็นทีม เห็นประโยชน์ รับฟัง
ความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ช่วยกันแก้ไขปัญหาในงาน พฤติกรรมที่แสดงออกทางสีหน้า
และท่าทาง สิ่งเหล่านี้ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกันก็จะมีผลให้สถานที่ทำงานน่าทำงานและ
สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้น ปัญหาที่เคยมี เราก็จะมีส่วนในการแก้ไขปัญหา
เราก็จะรู้สึกมั่นใจ ภาคภูมิใจ ได้รับการยอมรับ ฯลฯ ผลก็คือ ขวัญและกำลังใจในการ
ทำงานที่สูงขึ้นนั่นเอง
คำบันดาลใจ
หัวหน้าที่เอาแต่ด่าลูกน้อง
โดยไม่ยอมชี้ให้เห็นว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้องอย่างไร
ย่อมไม่ใช่หัวหน้าที่ดี
แต่พูดให้ถึงที่สุดแล้ว ควรต้องบอกว่า
ความผิดซ้ำๆ บางอย่างเป็นเรื่องง่ายที่จะแก้ไข
คนที่ทำผิดแล้วเปลี่ยนเป็นถูก
คนที่ไม่ทำความผิดซ้ำ
คือ คนที่สามารถจะพัฒนาตนเองให้ก้าวไปได้
เร็วก็หาว่าล้ำหน้า
23/8/51
ระวัง การคลิก ลิงค์ ในเมล์
ต่อครับ และใน link ภาพหรือตัวหนังสือ ถ้าดู link แล้ว จะเป็นนามสกุล .EXE ลองดูที่ บาร์ด้านล่างได้ก่อนที่จะคลิก อาจจะมีคำว่า get Vedio หรืออื่นๆ ตามภาพครับ
คลิกที่ภาพ เพื่อดูรายละเอียดในภาพ
ผมได้ลอง ๆ คลิก ที่ link มันก็จะ ดาวน์โหลดลงมาทันที แต่ผมยังไม่สั่งOPEN หรือ RUN ถ้าเครื่องใครที่ ตั้งค่าไว้พอ ดาวน์โหลดเสร็จให้มัน run อัติโนมัตฺ ไว้ ก็น่ากลัวน๊ะครับ แต่สแกนด้วย ร่มแดง( AVIRA ) จะเจอไวรัสทันทีแล้วก็จะ delete ได้ แต่ กับ avast มันเฉยน่ะครับ ( ลองๆไปเครื่องอื่นที่ไม่มี ร่มแดง(AVIRA ) น่ะ ก็แจ้ง ๆเตือนกันหน่อยครับ ถ้า run หรือ ดับเบิ้ล คลิก เพื่อติดตั้ง ผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
22/8/51
สงสัย
แล้วก็อีกภาพ ก็คิดว่าน่าจะเป็น ไวรัส MSN ที่อยู่ในเครื่องของเพื่อนของเราที่เขาแสดงเป็น ออฟไลน์หรือ แสดงเป็นไม่ว่าง ประมาณนี้ พอเรา ออนไลน์ปุ๊บ มันจะส่ง ลิงค์ ชื่อเมล์ของเรา แล้วก็ต่อด้วยชื่อเวบของมัน ตามรูป เราก็จะคิดว่าเพื่อนส่งอะไรมา แล้ว เราไม่เคยไปทำอะไรไว้ในเวบนี้เลยก็จะ กดลิงค์เข้าไปดู ก็จะเป็น อย่างหน้าในภาพ ลองดูในลิงค์ ใน แอดเดรส มันก็ชื่อของเราแหละ ลองๆใส่ชื่ออะไรมันก็จะเป็นหน้าเดิมแหละ แต่ไม่กล้าคลิกที่ลิงค์ในภาพ เพราะว่า ค่อนข้างแน่ใจว่ามันต้อง ไม่ปกติแน่ๆ แล้วก็ ทำไมต้องใช้คำว่า BANGKOK ด้วยก็ไม่รู้ แต่หน้า ฝรั่งทั้งน้าน หน่วยงานไหนไม่มีใครคิดทำอะไรกันได้มั่งหรือไงน๊ะ ไอ้ส่วนนี้รู้สึกว่าน่าจะมีการปล่อย ไวรัสหรือสปายแวร์หรือ มัลแวร์ เข้าสู่เครื่องของผู้ใช้ ที่เผลอกดคลิกเข้าไปด้วย ( เคยนานแล้ว ) คล้ายๆจะเป็น ไวรัสหลอกลวงที่บอกว่าเครื่องของคุณไม่ปลอดภัย ( มีกากบาทสีแดงที่ ทาสบาร์ ) ลบก็ไม่ได้ แสกนไวรัสก็ไม่เจอ ทำนองนี้แหละ น่ารำคาญ จะขึ้นมาเตือนตลอด แต่ตัวมันเองนั่นแหละเป็นไวรัส เมื่อก่อนผมใช้วิธี system restor ไปวันก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ เข้าไป fix ไม่ให้มันขึ้นมาตอน start up ใช้โปรแกรมที่ คืนค่า รีจิสตรี ก็ใช้ได้แล้ว
9/8/51
อาลัย ไอ้หนุ่มตู้เพลง ยอดรัก สลักใจ
วันนี้ ตื่นขึ้นมา พร้อมกับได้ข่าว ยอดรัก สลักใจ นักร้องที่ผมชื่นชอบ อีกคน เสียชีวิตแล้ว ด้วยโรคมะเร็งตับ
หลังจากที่มีนักร้องที่ผมชื่นชอบอีกคน เสียชีวิตไปก่อน ด้วยอุบัติเหตุ คือ คุณ กุ้ง กิตติคุณ เธียรสงค์
ยอดรัก เป็นนักร้องที่ผมชื่นชอบมากกว่าคนอื่นๆ ที่เกิดมาในช่วงๆเดียวกัน อย่าง สายัณห์ สัญญา หรือพี่เป้า
ยอดรัก เป็นตำรวจ ที่ไม่ได้เอาชื่อเสียงแลกกับยศตำแหน่ง เขาเข้ามาแค่ พลตำรวจ แล้วก็เลื่อนยศตามปกติ ทั้งๆที่ รู้จักกับนายตำรวจระดับสูงของกรมตำรวจสมัยนั้น
ยอดรักเป็นนักวิทยุสมัครเล่น นามเรียกขาน HS0CYM และเป็นนักกู้ภัยด้วย ข้อมูลจาก นิตยสาร HAMNEWS ฉบับ กุมภาพันธ์ 2537
และเป็น อาสาสมัครกู้ภัยด้วย
อ่านประวัติยอดรัก สลักใจ ไอ้หนุ่มตู้เพลง ( เพลงที่ดังมากในยุคหนึ่ง )ได้ที่นี่
ประวัติ ยอดรัก สลักใจ
ฟังเพลง ไอ้หนุ่มตู้เพลง
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของคุณยอดรัก สลักใจด้วยครับ
ขอให้ดวงวิญญาณ ของคุณยอดรักจงไปที่ๆสบายๆ น๊ะครับ ขอบคุณที่ได้ร้องเพลงให้ผมฟังมาตลอด
เพลงที่ผมชอบๆของยอดรักมีมากมายหลายๆเพลงเลย
ใครไม่ส่งจดหมายนี้ต่อ โครตใจร้ายเลย
"แค่ส่งต่อ..ไม่ได้เสียค่าใช้จ่าย
โปรดช่วยเด็กหญิงคนนี้ ( เธอวัยเพียง 4 เดือนครึ่ง) เธอป่วยหนัก
และโปรดส่งต่อ e-mail ให้มาก
ถ้าคุณอยากช่วยเหลือเธอ เธอจะได้ 10 เซนต์ ต่อคนรับ 1 คน "
และทำนองนี้อีกหลายๆแบบพร้อมด้วยคำขู่ทำนองเดียวกัน
ขอบอกว่าไม่ได้ใจร้ายหรอก อยากให้มีสติกันแล้วลองคิดกันดูซักนิดแค่นั้นเองแหละ
"เธอชื่อ
ราเชลวัย10ขวบ
ไม่นานมานี้แพทย์ได้ตรวจเจอว่าเธอเป็นมะเร็งในหัวสมอง
มีแค่หนทางเดียวที่จะช่วยเธอได้
คือผ่าตัด
โชคร้าย
ที่พวกเราไม่มีเงินพอที่จะจ่ายไปกับการผ่าตัด"
พร้อมด้วยภาพที่พิกลพิการของเขาเหล่านั้น แล้วก็อ้างว่า พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับค่าตอบแทนเมื่อส่งต่อจดหมายไปเรื่อยๆ
ผมไม่รู้น๊ะว่าจะได้รับ ตังค์กันยังไงแค่ส่งจดหมายไปเรื่อยๆ ไม่ได้ใจร้ายอย่างที่เขาว่าหรอกน๊ะ แต่มันไม่มีทางเลยจริงๆ
ลองดูจดหมายฉบับนี้ที่เขาส่งตอบกลับมาอธบายให้ผมน๊ะ
From: Que (น่าจะเป็นสมาชิกของ เวบ DMC น๊ะเพราะผมไม่รู้จักแต่มาหาผมได้ไงไม่รู้แฮะแต่ก็ขอบคุณสำหรับคำตอบ)
To: ผม
Subject: Re: FW: ส่งต่อด้วย ถ้าคุณลบก่อนส่งต่อ คุณก็ไร้ซึ่งมนุษยธรรมเกินไปแล้ว
การช่วยเหลือ เป็นเรื่องดีครับ แต่ อย่าตกเป็นเครื่องมือของ ผู้ไม่หวังดี
1. ตรวจสอบ ข้อมูลก่อนทำการ ส่งเมล์ เมล์ฉบับนี้ ถูกสร้าง ตั้งแต่ ปี 2006 หรือเมื่อสองปี ที่แล้ว
ค้นหาจาก google พบว่าข้อมูลนี้เคย ถูกโพส เมื่อ 18/8/2006 22:02
ดูที่นี้ http://www.dmc.tv/forum/lofiversion/index.php/t6073.html
อาจจะมีข้อมูลเก่ากว่านี้แต่หาได้เท่านี้
นั้นหมายความว่า ระยะเวลานานมากเป็นแบบ ยกกำลัง 18 ต่อครั้ง ดังนั้นป่านนี้น้องเค้าคงรวยไปแล้วครับ
2. การตรวจสอบข้อมูล การส่ง email ว่ามีการส่งต่อหรือไม่ ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ครับ
เพราะการส่ง email ทำได้อย่างมากแค่หา ที่มาที่ไป ได้เท่านั้น ไม่สามารถ ตรวจสอบ ข้อความในจดหมายได้ (รวมถึงหัวเรื่องด้วย
ถ้าทำได้ก็ถือว่าระบบรักษาความปลอดภัยของเมล์นั้นก็แย่สุดๆ ครับ เพราะ การรับส่งเมล์ถือเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลเท่านั้น ผู้ที่จะตรวจสอบ ถือว่าเป็น Hacker เท่านั้น ถือเป็นการทำผิดกฏหมายอย่างแรง)
เช่น ผมใช้ เมล์ Gmail,Hotmail และหาก เอโอแอล(อเมริกันออนไลน์) สามารถเข้ามาอ่าน เมล์ผมได้ ก็แสดงว่า Gmail,Hotmail มีความปลอดภัยแย่มาก คุณคิดว่า Gmail,Hotmail เค้าจะยอมหรือ
ฉะนั้นไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด
3. ตัวอย่างนี้จาก ข้อมูลที่อื่น ครับ
อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.dmc.tv/forum/index.php?showtopic=6083 ความเห็นที่ 6 ครับ
เขาใช้ทฤษฎีนี้ในการสร้างตัวแปรสุ่มกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ชั้นสูง
เพื่อเป็นการหาตัวแปรที่เหมาะสมในการควบคุมกระบวนการทางวิศวกรรม นั้นๆครับ
พอนำมาใช้กับระบบ มาปรัมปรายะ
ในสังคมมนุษย์แล้วทำให้ทราบว่ากระบวนการทางการตอบสนองของคนในสังคมกลุ่มนั้นเป็นแบบใด
และจะเป็นข้อมูลในการแต่งตำราเช่น พ่อรวยสอนลูก หรือระบบเครือข่าย เป็นต้นครับ
เช่นกระบวนการดังต่อไปนี้
1. บอกว่า เป็นเรื่องของเด็กคนนึง ให้เราช่วยกันฟอร์เวิร์ด เมล์ ไปเยอะ
ยิ่งเยอะ พ่อแม่เด็กยิ่งได้เงินเยอะ
ก่อนหน้านี้ มีใครไม่รู้ ไม่ทราบชื่อ ส่งเมล์มาให้ว่า
hotmail จะเก็บเงินค่าใช้ msn แต่ให้คุณส่งเมล์ไปหาคนอื่นๆ อีก 18 คน
จะได้รับการยกเว้น
ก่อนหน้านู๊น มีผู้ใดมิรู้ ส่งเมล์มาให้ว่า ต้องการเลือดกรุ๊ป นั้น กรุ๊ปนี้
ให้ช่วยไปบริจาคกัน
ซึ่งจริงๆแล้ว ลองมาวิเคราะห์กัน ครับ....
สำหรับกรณี แรก
การฟอร์เวิร์ด เมล์เยอะ แล้ว คนนั้น คนนี้จะได้เงิน ส่วนแบ่งจากเมล์
เราลองมาคิดเล่นว่า
1.พ่อแม่เด็กจะได้เงินจากไหน
2. แล้วต่อมา เช็คยังไง
3. เมล์ล่ะ เท่าไหร่
อ่าน จากสามข้อ ดูแล้วไม่น่าสงสัยแต่ คิดกันง่ายๆ การที่ผู้ให้บริการ จะต้องมานั่ง ติดตามเมล์ฉบับ นึง
ที่วิ่งผ่านไปผ่านมา บน server นั้น เป็นเรื่องที่ยากมาก ที่ยากเพราะ
1. เมล์ มิได้อยู่บน server เดียว เหมือนอย่างกระทู้ แต่กลับถูกส่งไป มา
เช่น hotmail ไปยาฮู เป็นต้น การที่จะปล่อยให้ ใครก็ตามมานั่ง
เขียนโปรแกรมตามเมล์ เข้าไปถึงใน server ส่วนตัวแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้
เพราะทุก server ต่างก็ต้องการจะทำระบบให้ปลอดภัยที่สุด รวมทั้ง เหตุผลสำคัญทางธุรกิจอีกด้วย
2. แม้ว่า เมล์จะอยู่หรือ ส่งแค่ในระบบของ Hotmail หรือ แค่ yahoo
คุณรู้หรือไม่ว่า yahoo และ hotmail มี server หลายสิบตัวด้วยกัน
ที่ไว้รองรับ ผู้ใช้งานนับล้านคน ดังนั้น การที่วิ่งจับ อีเมล์ฉบับเดียว
เพื่อแจกเงิน นั้น หาก yahoo หรือ hotmail จะทำ แจกเงินไปเลย ง่ายกว่า เห็นๆ
3.นอกจากนี้ เมล์ เหล่านี้ บางที มีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ การที่จะต้องมานั่งเขียนโปรแกรมเช็ค
ข้อความ ไทย - อังกฤษ ก็ยากแล้ว ยังไม่นับการเปลี่ยนเป็นภาษาอื่นๆ อีก
สรุป กรณี ที่แรก Game Over โกหก ชัดๆ ครับ..
.....................................................................................................................
กรณีที่สองคิดอันแรกง่ายๆ ตามแบบ กรณีที่ 1 คือ การที่ hotmail จะต้องมานั่ง ตามจดหมายนั้น
แม้ว่าจะอยู่ในระบบของ Hotmail เอง เป็นเรื่องที่ยาก
(ใครเคยเขียนโปรแกรมในรูปแบบ Regular Expresion จะรู้ว่ายากกกก)
โปรแกรมเมอร์ จะต้องมาเขียนนับด้วยว่า อ่า มันส่งไปกี่คน ครบ 18 หรือยัง
โอ้วมัน ยิ่งซับซ้อนไปใหญ่ แค่คิดก็จะบ้าแล้วล่ะครับ
ต่อมาคือ ที่เราเห็น มีทั้งไทย อังกฤษ เหมือนกัน ดังนั้น คงต้องเขียนโปรแกรม กันปวดหัวแน่ๆ
ประเด็นต่อมาคือ ปัจจุบัน เราจะเห็นว่า
โปรแกรมสนทนา จะมีหลายค่ายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น
MSN, Yahoo messenger,google talk,skype,icq,aol,qq
(เอาแค่ตัวดังๆ ที่ผมเคยเล่นนะ)
ทุกตัวฟรีหมด ดังนั้น หาค่ายใดค่ายหนึ่ง เก็บเงิน แล้ว
เหล่าผู้ใช้ส่วนใหญ่ที่นิยมของฟรี จะหันไปยังคู่แข่งทันที แล้วเรื่องอะไร ล่ะ
ที่ผู้ให้บริการเหล่านั้น จะยอมเสียฐานลูกค้าไป เพราะเพียงแค่ค่าโฆษณา
ก็ได้เงินมหาศาลแล้ว
สรุป กรณีที่ สอง Impossible ครับ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ สหธรรมิก
.........................................................................................................
กรณีสุดท้ายอันนี้ ต้องบอกก่อนว่า มิได้มีจิตใจ คับแคบ หรือ อกุศล
แต่ เคยเจอมาแล้ว ก็เลยเอามาคิดเล่นๆ ให้ดูครับผม
สมมุติว่า ผมจะต้องตายล่ะ พรุ่งนี้ ต้องใช้เลือดด่วนมากๆ ทางแรกที่ผมคิดคือ โทรหาเพื่อนๆ
พ่อ แม่ พี่น้อง อะไรก็ตามแต่ จากนั้น ถ้าจะขอตามเว็บคงจะโพสต์ขอตรงๆ ล่ะครับ
ถามว่า ทำไม ผมไม่เลือกส่งเมล์
1. การส่งเมล์ ลองคิดง่ายๆ ครับว่า ลองส่งเมล์จาก yahoo ไป hotmail แล้วจับเวลาดูครับ
อย่างน้อย 10 นาที อย่างมาก 7 วัน ดังนั้น ถ้ามันติดอยู่ตรงกลาง คือ 3 วัน ผมก็คงตายไปแล้ว
ดังนั้น ทางเลือกในการส่ง forword เมล์จึงกลายเป็นทางเลือกน้อยๆ ที่ควรไว้หลัง
2. หลายๆ ครั้งที่เราจะเห็นว่า มีฟอร์เวิร์ดมา ให้ลองอ่านเนื้อเรื่อง
กับวันที่ส่งก่อนหน้านี้ ในช่วงแรกๆ
เอาว่าดูเลยว่า คนส่งคนแรก ส่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วดูวันนี้ ว่า
ส่งกันกี่วัน ถ้าเกิน 7 วัน อย่างที่บอก ผมคงตายไปแล้ว
ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องดูระยะเวลา ตั้งแต่ต้น-จนถึงวันที่ได้รับด้วย
เพราะบางครั้ง ผมยังเคยได้รับเมล์ในรูปแบบนี้ ซึ่งวันที่คนแรกส่ง
กับวันที่ผมได้รับ มันข้ามปีกันแล้วครับ
ผู้ที่ต้องการเหล่านั้น คงจะหายดีเป็นปรกติเสียแล้วกระมังครับ
3. และมีส่วนหนึ่ง ที่ผม ได้รับ ทั้งจากข้างนอก และจากในองค์กร ซึ่งในองค์กร จะมีระบุชัดเจนว่า
ใคร เป็นอะไร ที่ไหนอย่างไร และส่งภายใน ในองค์กร เอาง่ายๆ ว่ามีที่มาที่ไปแน่นอน ค่อนข้างเชื่อถือได้
ในขณะที่จากข้างนอก บอกชื่อ ที่อยู่ (ส่วนมากเป็น รพ.)
พร้อมเบอร์โทร ซึ่งเคยลองโทรไปครับ พบว่า เป็นเบอร์ที่เพื่อนเอามาแกล้งบ้าง
บางครั้งชื่อโรงพยาบาลก้อไม่ใช่
ซึ่งกรณีหลังนี่ ก้ำกึ่งมาก เหมือนกันครับว่า ฉบับไหนจริง หรือไม่จริง แยกยาก แต่ก็มีเป็นส่วนใหญ่ ที่
- แกล้งกันเอง มักจะแนบเป็นเบอร์มือถือมา ดังนั้น ควรโทรเช็ค ก่อนที่จะเสียเวลาออกไป
- แกล้งคนอื่นที่ใจบุญ มักจะให้ที่อยู่ ไม่ใช้เบอร์ ส่วนใหญ่เป็น โรงพยาบาล จึงควรโทรเช็คก่อนเช่นกัน
- ทำสนุกๆ มันส์ มักจะให้ที่อยู่ และเบอร์ 02 แนะนำให้ลองตรวจสอบเบอร์ก่อนว่า ที่นั่นที่ไหน
สรุปง่ายๆ ก็คือ ตรวจสอบก่อนที่จะลงมือออกไปช่วยเหลือ หรือ ฟอร์เวิร์ดต่อ
หลายท่านอาจจะคิดว่า Forward ไปก่อนไม่เป็นไรหรอก ไม่เสียเงินนี่
แต่ท่านลองนึกสิครับว่า ถ้าสมมติว่า ผมตั้งใจออกไปช่วยเหลือจริงๆ เสียเงินเดินทาง
เสียเวลา แต่ผลคือ ผมถูกหลอก!!! แล้วครั้งต่อไปล่ะ ผมคงคิดหนัก ก่อนที่จะทำแน่ๆ
ยิ่งกลายเป็นว่า ทำให้คนที่ถูกหลอกไม่เชื่อ อีกต่อไป
............................
ท้ายนี้ขอฝากสมาชิก DMC พิจารณาเรื่อง
หลักการแก้ไขปัญหาอย่างนี้ของพระผู้มีพระภาคเจ้าพิจารณาดู คือ พระองค์ทรงตรัสสอนคนเหล่านั้นว่า
๑. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่บอกต่อๆกันมา
๒. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาได้ทำตามๆกันมา(ประเพณี)
๓. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเล่าลือกันกระฉ่อนไปหมดแล้วว่าเป็นความจริง
๔. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันมีอ้างอยู่ในปิฎก(คัมภีร์,ตำรา)
๕. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า เป็นตรรก หรือการคำนวณ
๖. อย่าได้เชื่อโดยการอนุมานเทียบเคียง หรือคาดคะเนเอาเอง
๗. อย่าได้เชื่อโดยการตรึกตรองเอาตามอาการ
๘. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า มันเข้ากันได้กับลัทธิความเชื่อ และทฤษฎีของตน
๙. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า รูปร่างลักษณะน่าเชื่อถือ
๑๐. อย่าได้เชื่อโดยเหตุสักว่า ผู้สอนเป็นครูเป็นอาจารย์ของเรา
ต่อเมื่อใดพิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้วจึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น เรียกว่า กาลามสูตร หรือ เกสปุตติยสูตร หรือ เกสปุตตสูตร
ช่วยกันตรวจสอบหน่อยครับ ทุกวันนี้ เมล์ แบบนี้ เยอะไปแล้ว ครับหยุดส่งต่อเมล์ที่ ไม่มีข้อมูลอ้างอิง
12/7/51
Gmail - fw.mail -
จาก FW Mail อยากให้ลองอ่านดูหน่อย
ผมนั่งมองเหรียญ 10 บาทในมือ หมุนมันไปมาทบทวนเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับมัน เจ้าเหรียญน้อยเกือบไปอยู่ในมือ ผู้หญิงร่างเล็ก . . . ขาพิการที่ต้องใช้ไม้ค้ำ เดินแบมือขอเงินคนแถวนี้ พร้อมกับภาษาพูดไม่ชัด ซึ่งจับใจความได้ว่า "ขอเงินหน่อย"
ผมเกือบหย่อนเหรียญลงไปในมือแล้ว ถ้าไม่เจอ แกนั่งดูดบุหรี่ก้นกรอก ควันฉุย พ่นควันเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ อย่างสบายใจ ตอนไม่มีคนอยู่แถวนั้น โดยหารู้ไม่ว่า. . . มีใครคนหนึ่งกำลังจะเอาเงินมาให้ พอหมดบุหรี่ แกก็ลุกขึ้น เดินไปขอตังคนแถวนี้ต่อ
เจ้าเหรียญ 10 ของผมยังคงอยู่ แต่มันก็เกือบไปอยู่ในขันพลาสติกใบหนึ่ง ที่ขอทานชาย ผู้ซึ่งนอนราบกับพื้น . . . เอามืออีกข้างเกาะพื้นแล้ว กระเสือกกระสน เพื่อให้ไปข้างหน้าได้ เป็นที่น่าสงสารแก่คนที่ผ่านไปมา ผมยืนลังเล อยู่พักใหญ่ เดินตามไป ตั้งใจแน่วแน่ว่า จะเอาใส่ขันใบนั้น แต่. . . พอลับตาคน ชายร่างพิการขาขาดข้างหนึ่ง ข้างที่มีก็ มีแผลสดๆ แมลงวันตอม เสื้อผ้ามอมแมม ขาดรุ่งริ่ง กลับ รื้อกองถุงพลาสติกใบใหญ่ รื้อเอาเสื้อผ้าที่ซ่อนไว้ เอาขาเทียม เอากระเป๋าผ้า มาใส่เศษเงิน แล้วบ่นว่า . . . "แมร่ง. . . ได้น้อยชิบหาย"
หลังจากเปลี่ยนเสร็จ ก็ลุกขึ้นเดินไปถนน โบกแท็กซี่จากไป ปล่อยให้ คนใจบุญอย่างผม ยืนอึ้ง!!! และแอบคิดว่า . . . คนใจบุญหลายคนยังขึ้นรถเมล์กลับเลย
เจ้าเหรียญ 10 บาท ยังคงหมุนอยู่ในมือผมอีกครั้ง มันเกือบไปอยู่ในกล่องไม้สีดำใบหนึ่ง ที่มีผู้หญิงผู้ชายกลุ่มหนึ่ง ในชุดเจ้าหน้าที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง เขียนด้วยตัวอักษรภาษาจีน ดูคล้ายแมลงสาป เดินเข้ามาหาผมแล้วถามว่า "ทำบุญโลงศพ เสริมดวง เพิ่มวันไหมครับ"
ผมยิ้มแล้วตอบไปว่า "ไม่ละ ทุกวันนี้ผมก็อยากตายอยู่แล้ว" ชายผู้นั้น ทำสีหน้าไม่พอใจ บ่นแล้วจากไป ผมมองเหรียญ 10 อีกครั้ง หมุนมันต่อไป และแล้วบางอย่าง ที่กำลังเคลื่อนไหวตรงหน้า . . . ทำให้ผมตัดสินใจบางอย่างลงไป ผมเดินไปซื้อน้ำขวดใส ยื่นเหรียญ 10 ให้แม่ค้าน้ำใส ที่ยื่นน้ำพร้อมคำหวานๆ ว่า ขอบคุณค่ะ ผมยิ้มตอบ รับน้ำพร้อมหยิบหลอด 2 หลอด เดินไปที่เด็ก 2 คน ผมยื่นน้ำให้แล้วบอกว่า "เอาน้องน้ำ กินซะ แล้วขวดพี่ให้" เจ้าหนูมองหน้าผมอย่างสงสัย แต่ก็รับน้ำ พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วเดินจากไป
ผมยืนมองเจ้าหนูทั้ง 2 คน ที่กำลังแบกถุงปุ๋ยที่บรรจุขวดพลาสติกเปล่าด้วยใจเบิกบาน อย่างน้อยๆเจ้าหนู 2 คนนี้ ไม่ร้องขอเงินทองจากใคร แต่. . . เลือกที่จะเอาสิ่งที่คนอื่นไม่ต้องการ ไปเป็นเงินให้ตนเอง และอย่างน้อยๆ เค้า 2 คนช่วยคนอีกหลายคนในการคัดแยกขยะ ผมยิ้มอีกครั้ง อย่างน้อยๆ 10 บาทที่ผมเสียไปมันคุ้มค่าจริงๆ . . .
จดหมายที่ส่งถึงเพื่อนเมื่อปี 50
เริ่มต้นใช้ LINUX กับ UBUNTU 7.04
จดหมายถึงเพื่อน หลังจาก ทดลอง ใช้ ubuntu 7.04 กว่าจะใช้ได้ก็มีปัญหามากมาย
ถึง.... เพื่อนรัก
-ไม่รู้จะทำอะไรเล่น เมื่อวันเสาร์ อาทิตย์ที่ผ่านมา 30/31 มิ.ย.เลยทดลอง
โหลดโปรแกรม linux ubuntu 7.04 และ ubuntu 6.06.1 มาลองเล่นดู เป็นโอเพ่น
ซอร์ส โปรแกรม ระบบปฏิบัติการ ฟรี ใช้แทน ระบบปฏิบัติการ วินโดวน์ได้ เพราะ
ไม่อยากจำเจอยากหาอะไรใหม่ๆมาลองดูมั่ง ธรรมดาเราก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วไม่
ชอบจำเจ ทั้งๆที่ windows 95 ,98,2000, me ,xp ยังเล่นได้ไม่ทะลุปรุโปร่ง
เลย นี่ก็ vista อีก คงไม่ได้เล่น เครื่องไม่รับ ต้องหาเครื่องใหม่จึงจะดี
แต่ก็ไม่แน่ให้หาในตลาดมืดได้ง่ายๆหน่อยก็คงจะลองหามาเล่นดู
ครั้งแรกทดลองลงแบบกะจะให้มัน boot ได้ 2 ระบบ( OS ) แต่พอลงไปแล้วตัว
โปรแกรมอื่นยังอยู่แต่ บู๊ต วินโดว์ไม่ขึ้น อ้าว เลยต้อง ลงวินโดว์ใหม่
บูตขึ้นมาก็ต้องลงไดร์เวอร์โปรแกรมใช้งานใหม่อีก เฮ้อ! ลืมสังเกตุอีกแล้ว
ubuntu หาย เอ๊า! ไหงเป็นงั้นอีกเล้า ฮ่วยอีหยังอีกน้อ ลองใส่ ubuntu เข้า
ไปใหม่ เสร็จ วินโดว์ไม่บูตอีก เซ๊ง????ฮาร์ดดิสหายบางไดร์ ว้าแล้วกูจะทำ
ยังไงเนี๊ยะ ใช้ พ่ร์ติชั่นมันก็เป็นสีเหลือง ไม่รู้จัก bad sector ว้ายตา
เถร เวรของกำตบไม่แบ เล่นจนฮาร์ดดิสเสียเลยหรือว๊ะเนี่ยอยู่ดีไม่ว่าดีหนอกู
เสียตังค์ซื้อ ฮาร์ดดิสใหม่แล้วมั๊ง 40 กิก๊ มันไม่ทำมาขายซ๊ะด้วย ก็ต้อง
ซื้อแบบ จุมากขึ้น แถม ราคาก็ต้องแพงขึ้นไปอีกก มันเป็นแบบนี้เกือบทุกอย่าง
ของเดิมที่เคยใช้มันไม่ทำมาบังคับให้ใช้ของใหม่ เคยสังเกตุกันบ้างไหม ของ
ซื้อมาแล้วไม่ต้องซ่อม หาอะไหล่ไม่ได้บ้างละ เพราะเลิกทำไปแล้ว ซ่อมไม่คุ้ม
กับซื้อใหม่บ้าง บังคับกันจัง
เอ้า กลับมาเล่าต่อ หลังจากนั้นลองใช้ตัวแผ่น วินโดว์ xp ฟอร์แมต เพราะพอ
เข้าไปแล้ว วินโดว์มันมองเห็นทุกไดร์แหละแต่ไม่มีชนิด ว่าเป็น fat หรือ
ntfs หรือ ext แบบลินุ๊กซ์ ค่อยๆ ฟอร์แมตทีละไดร์ ก่อนที่จะเข้าสู่การติด
ตั้งก็ปิดเครื่อง เปิดใหม่ แล้ว ฟอร์แมตไดร์ใหม่แล้ว ปิด แล้วใช้ พา
ร์ติชั่นเมจิก เข้าไปจัดการ อีกทีซ๊ะ แบ่ง พาร์ติชั่นใหม่อีกที ให้เป็น
fat ทั้งหมด บูตใหม่ แล้วติดตั้ง windows xp ตามปกติเสร็จแล้ว ก็ใช้เวลาพอ
สมควร ยังไม่กล้าลงโปรแกรมใช้งานอื่น รวมที้ง driver ด้วย จัดการ ลงlinux
ubuntuต่อดีกว่า เผื่อ วินโดว์หายอีก จะได้ไม่เสียเวลาอีก ( แต่ก็เสียเวลา
ไปเป็นวันแล้ว ใช้อะไรก็ไม่ได้สักอย่าง แชท ตรวจเมล์ หรือฟังเพลงออนไลน์
)จัดการลง ubuntu 7.04 อีกพักใหญ่ นานนนนนมาก กว่าเดิม เลือกไดร์เดียวกับ
วินโดว์แต่หาที่ว่างใหม่ใน ระบบแฟท แล้ว จัดการให้เป็น ฟอร์แมท ext ของ os
linux ซ๊ะ แล้วก็รอ ๆ ๆ ๆจนติดตั้งเสร็จ รอลุ้น เปิดใหม่ ขึ้นมา ให้เลือก
ระบบ แล้ว แต่นแต๊น ค่อยยังชั่วหน่อย ลองเข้า วินโดว์ก่อน ปรากฏว่า เข้า
ได้ แล้ว อ้าว shutdown ซิครับท่าน ถ้าเป็นเมื่อก่อน ก็ 1 กระป๋องอีกและ
boot ใหม่ ลองเข้า ubuntu ดูก็เข้าได้แล้ว ไชโย้จัดการเกี่ยวกะ ubuntu ให้
เสร็จทั้งการเลือก ภาษา อีเมล์ และ เดสท๊อป ขั้นต้น ให้เรียบร้อย เป็นบาง
อย่างแล้วค่อยมาศึกษารายละเอียดเอาเรื่อยๆ รับ - ส่ง เมล์ได้แล้ว เปลี่ยน
ภาพหน้าจอได้แล้ว จัดการเสียงในเหตุการณ์ต่างๆได้แล้ว เข้าอินเตอร์เนตได้
ทดลองทำงานภาพทางโปรแกรม grimp พอได้นิดหน่อย แชทผ่าน msn - yahoo ได้ด้วย
พักไว้ก่อน แล้ว รีสตาร์ท ใหม่ เลือกเข้า วินโดว์ จัดการลงไดรเวอร์ โปรแกรม
ใช้งานที่จำเป็น บางอันก็ไม่ต้องลงไปใช้ในลินุ๊กแทน ทำได้แล้ว กำลังสนุก
ครับท่าน
ก็เล่ามาให้ทราบเฉยๆแหละ ว่าเราทำได้ ที่จริง linux มันก็น่าใช้น๊ะ ของฟรี
ด้วยแล้วมีโปรแกรมให้เกือบครบทำงานได้เลย ไม่ต้องหาโปรแกรมมาเพิ่มเหมือน
วินโดว์ แต่ตอนนี้ตัดต่อวิดิโอยังไม่ได้เห็นว่าจะต้องโหลดมากอีกแหละ 800
กว่า เมก ประมาณ 10 ชม. เฮ้อ เมื่อยมือเมื่อยใจ ตอนนี้กำลังส่งจาก
evolution mail ของ ubuntu ครับ ที่พิมพ์มาเนี่ย ทดลองพิมพ์(เล่นแต่เอา
จริง)น๊ะเนี่ย ฮ่า55
ขอบคุณที่อ่าน
ตอบด้วยเน้อ
ประกอบ
ปรับเป็น ubuntu 7.10 แล้ว ไปดูหน่อยซิ
6/7/51
ความเชื่อ
อรรถกถากาลามสูตร๑-
พระพุทธเจ้าได้ตรัสต่อ ชาวกาลามะทั้งหลาย ให้ใช้หลักวินิจฉัยด้วยตนเองโดยมิให้ปลงใจเชื่อถือ ด้วยเหตุ ๑๐ ประการ ดังต่อไปนี้
๑) มา อนุสสะเวนะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะได้ยินได้ฟังอยู่เนือง ๆ
๒) มา ปรัมปรายะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะเป็นไปตามประเพณีสืบ ๆ กันมา
๓) มา อิติกิรายะ อย่าเชื่อถือตามคำที่เขาเล่าลือกัน
๔) มา ปิฏะกะสัมปะทาเนนะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะตรงกับตำรา
๕) มา ตักกะเหตุ อย่าเชื่อถือเพราะคาดคะเนเอา
๖) มานะยะเหตุ อย่าเชื่อถือเพราะมีนัยเทียบเคียงกันได้
๗) มา อาการะปริวิตักเกนะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะคิดไปตามอาการที่ได้เห็น
๘) มา ทิฏฐินิชฌานักขันติยา อย่าเชื่อถือเพียงเพราะเข้ากันได้กับทฤษฎี
๙) มา ภัพพะรูปะตายะ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะคนพูดน่าเชื่อถือ
๑๐) มา สะมะโณ โนคะรูติ อย่าเชื่อถือเพียงเพราะผู้พูดเป็นสมณะหรือครูอาจารย์ พระพุทธเจ้า ท่านสอนไม่ให้เชื่ออะไรง่าย ๆ เพียงเพราะเหตุใดเหตุหนึ่งใน ๑๐ ประการดังกล่าวข้างต้น แต่ให้ใช้สติปัญญาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และโดยที่ปฐมเหตุแห่งการที่ท่านเทศนาหลักกาลามะสูตรดังกล่าว ก็เนื่องจากความแตกต่างในหลักธรรมที่มีผู้สอนผิดแผกกันไป ท่านจึงให้ไตร่ตรองว่า หลักธรรมใดที่เป็นอกุศล มีโทษ ผู้คนติเตียน กระทำอย่างสม่ำเสมอแล้วไม่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือสร้างความทุกข์ให้แก่ตนเอง หรือผู้อื่น ให้ปล่อยทิ้งไปไม่ควรเก็บมาเป็นอารมณ์ แต่ถ้าหลักธรรมใดเป็นกุศล ไม่มีโทษ ผู้คนสรรเสริญ กระทำอย่างสม่ำเสมอแล้วจะก่อให้เกิดประโยชน์ และนำความสุขมาให้แก่ตน ก็ให้พึงรับมาปฏิบัติได้
จากอรรถกถากาลามสูตร๑-
ลองดูภาพนี้แล้วคิดว่าเป็นยังไง เชื่อหรือไม่เชื่อต้องลองดูก่อนน๊ะ